|
|
|
|
|
|
|
|
|
 |
 ชุดฉนวนหุ้มกันความร้อน, ฉนวนกันความร้อน, ชุดฉนวนประหยัดพลังงาน,
เสื้อหุ้มวาล์ว, thermal insulation jackets, แจ็คเก็ตหุ้มวาล์ว
หลายๆท่านที่พอพูดถึง ฉนวนกันความร้อน ก็อาจนึกสับสนนึกไปต่างๆนาๆ ทั้งในเรื่องของ
ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา หรือวิศวกรในโรงงานบางท่านก็อาจจะนึกถึงแค่ว่า ชุดฉนวน
ประหยัดพลังงานหรือที่เรียกกันติดปากว่า เสื้อหุ้มวาล์ว (thermal insulation jackets)
บ้างก็เรียก แจ็คเก็ตหุ้มวาล์ว ทับศัพท์ภาษาอังกฤษไปเลย
อันที่จริงแล้วพอเอ่ยถึง ฉนวนกันความร้อน นี่ก็ไม่มีใครผิดใครถูกนะครับ ขึ้นอยู่กับว่าคนที่เรียก
หรือคนที่จะใช้อยู่ในความต้องการใช้อันใดเพื่อวัตถุประสงค์อะไรมากกว่าเพราะคำว่าฉนวนกันความร้อน
ก็หมายถึงวัสดุที่สามารถต้านทานความร้อนไม่ให้แผ่ซ่านผ่านทะลุได้ ยกตัวอย่างเช่น เจ้าของบ้านก็นึก
ถึงฉนวนกันความร้อนใต้หลัง, เจ้าของโรงงานก็นึกถึงชุดฉนวนกันความร้อน ที่ช่วยประหยัดพลังงาน
และลดอุณหภุมิบริเวณเครื่องทำความร้อนเช่น heater / extruder หรือ ผู้ผลิตเตาเผาขยะก็จะ
นึกถึงชุดฉนวนกันความร้อนหน้าเตา เหล่านี้เป็นต้น
ประเด็น ที่จะกล่าวถึงในครั้งนี้ก็คือ “ความหนาของฉนวนกับการต้านทานความร้อน” ซึ่งหลายๆท่าน
ก็คงทราบกันดีแล้วว่า ยิ่งฉนวนหนามากเท่าไร การกันความร้อนของฉนวนนั้นก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพ
มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคาบ้านพักอาศัย ทั่วไปก็นิยมใช้กันที่ความหนา 3 นิ้ว
(7.5 เซนติเมตร) ซึ่งสามารถต้านทานความร้อนจากหลังคาไม่ให้แผ่เข้ามาในตัวบ้านได้ค่อนข้างดี
หรือชุดฉนวนหุ้มกันความร้อนที่ใช้กับเครื่องฉีดพลาสติคตาม โรงงานต่างๆ ก็นิยมใช้ที่ความหนา 2 นิ้ว
(5.0 เซนติเมตร) แต่ในบางครั้งก็ใช้ได้แค่ความหนาไม่เกิน 1 นิ้ว เนื่องจากความหนาโดนจำกัดไว้
โดยฝาครอบหรือวัสดุป้องกันอย่างอื่น
ความหนาของฉนวนเป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรกๆ ที่จะทำให้ฉนวนนั้นๆป้องกันความร้อนได้อย่างเต็มที่
แต่ก็ใช่ว่าจำเป็นจะต้องเลือกฉนวนกันความร้อนให้ มีความหนามากที่สุดเสมอไป เพราะอาจทำให้ต้อง
เสียค่าใช้จ่ายมากโดยใช่เหตุ การเลือกความหนานั้น หากท่านไม่มีประสบการณ์ ก็ควรจะขอคำปรึกษา
จากผู้แทนจำหน่ายหรือผู้ติดตั้ง ถึงความหนาที่กันความร้อนได้อย่างมีประสิทธิผล (optimization)
ข้อควรจำก็คือความหนาของฉนวนมีผลกับการป้องกันความร้อนเสมอ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|